เทศกาลแห่งช็อกโกแลต และวันแห่งความรัก สไตล์คนญี่ปุ่น
ในโลกนี้มีประเทศอยู่ประเทศหนึ่ง ซึ่งใครหลายๆ คนต้องมีความฝันอยากจะไปให้ได้ซักครั้งหนึ่งในชีวิต นั่นก็คือ ประเทศญี่ปุ่น นั่นเองค่ะ ญี่ปุ่นเป็นชนชาติที่มีความชื่นชอบในงานเทศกาลมาก ทั้งเทศกาลที่เป็นวัฒนธรรมของตนเองเช่น โอบงโดริ นัตสึมัตสึริ หรือฮานามิ เป็นต้น และเทศกาลจากต่างประเทศอย่างวาเลนไทน์ ก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ
วันวาเลนไทน์ (Valentine Day)
หรือวันแห่งความรัก
การมอบช็อกโกแลตวันวาเลนไทน์ในญี่ปุ่นเริ่มเป็นกระแสฮิตขึ้นมาเพราะแคมเปญการตลาดในช่วงปี 1950 ของบริษัทช็อกโกแลต โมรินากะ ผู้ผลิตช็อกโกแลตยี่ห้อดังอย่าง DARS ซึ่งวางภาพลักษณ์ของวันวาเลนไทน์ว่าเป็น “วันแห่งการมอบช็อกโกแลตให้กันและกัน” ทำให้ชาวญี่ปุ่นในหมู่วัยรุ่นเริ่มหันมาสนใจในแคมเปญนี้และการมอบช็อคโกแลตให้กันในวันวาเลนไทน์จึงเป็นเรื่องที่นิยมทำกันจนถึงปัจจุบันนั่นเอง
https://press.ikidane-nippon.com
แต่ทั้งนี้ การมอบช็อกโกแลตวาเลนไทน์ในประเทศญี่ปุ่น นั้นแตกต่างจากประเทศไทยมาก ไทยเรานิยมแลกของขวัญหรือมอบของขวัญให้กันและกัน ซึ่งมองว่าวันนี้เป็นวันที่พิเศษกว่าวันอื่นๆ
แต่ในทางฝั่งของญี่ปุ่นแล้ว การให้ช็อกโกแลตในวันวาเลนไทน์เป็นหน้าที่ของฝ่ายหญิงเพียงฝ่ายเดียว ชายหนุ่มส่วนใหญ่มักจะมีความหวังและรอคอยช็อกโกแลตจากคนที่แอบชอบ อีกทั้งถ้าได้เป็นช็อคโกแลตแฮนเมดด้วยล่ะก็บอกเลยว่า ฟินสุดหัวใจเลยค่ะ
บางคนก็รอช็อกโกแลตจากเพื่อนๆ ที่สนิทกันก็มี แต่ใช่ว่าการให้ช็อคโกแลตจะหมายถึง “ความชอบ“ เสมอไป มีช็อกโกแลตอีกประเภทหนึ่งที่นิยมให้กันแม้จะไม่ได้รู้สึกใดๆ ต่อกัน เรียกว่า “ช็อกโกแลตตามธรรมเนียม” หากชายหนุ่มคนใดที่ได้ช็อกโกแลตประเภทนี้จากคนที่แอบชอบแล้วล่ะก็บอกได้เลย นกแน่นอน ช้ำใจสุดๆ ไปเลยล่ะ
https://www.mangozero.com/japanese-valentine-festival-of-chocolate/
การมอบช็อกโกแลตของฝ่ายหญิงก็ไม่มีการจำกัดวิธีการให้ เพราะอย่างนั้นเราจะเห็นความน่ารักของเด็กสาวญี่ปุ่นหลายๆ คนจากตรงนี้เพราะโดยพื้นฐานแล้วคนญี่ปุ่นเป็นคนขี้อายเอามากๆ ไม่นิยมให้กับเจ้าตัวตรงๆ แต่ให้เป็นวิธีอ้อมๆ แทนเช่น การแอบซุกแอบซ่อนไว้ในตู้ใส่รองเท้าบ้าง ใส่ลิ้นชักใต้โต๊ะเรียน พร้อมแนบจดหมายที่เผยความในใจบ้าง แล้วแต่ความสร้างสรรค์และความหน้าบางของแต่ละบุคคล แต่ก็ไม่ใช่ไม่มีคนกล้าให้ต่อหน้านะ มีเหมือนกัน สตรองได้อีก
หลายๆ ท่านคงมีคำถามว่าแล้วมันแตกต่างกันอย่างไร ในเมื่อก็มอบให้เหมือนกัน
เสน่ห์ของวาเลนไทน์ญี่ปุ่นอยู่ตรงที่ หญิงสาวจะรอคอยคำตอบหลังจากที่ให้ช็อคโกแลตไปแล้ว ในช่วงเวลา 30 วันจากนี้ ฝ่ายชายจะต้องให้คำตอบฝ่ายหญิง หากมีใจตรงกัน ก็ถึงคราวที่ฝ่ายชายนั้นต้องให้ของขวัญคืนแก่ฝ่ายหญิงเป็นการบอกแทนความในใจว่า “ฉันเองก็รู้สึกแบบเดียวกันนะ” หากไม่ได้รู้สึกอะไรก็จะหาโอกาสบอกปฏิเสธแบบไม่ให้เจ็บช้ำมากนัก
วันนี้เองที่ถูกเรียกว่า วันไวต์เดย์
https://www.mangozero.com/japanese-valentine-festival-of-chocolate/
วันไวต์เดย์ (White day) เองก็เกิดจากไอเดียการตลาดเช่นเดียวกัน จากบริษัทขนม มาร์ชเมลโลว อิชิมูระ มันเซย์โดะ ที่โปรโมตให้ผู้ชายมอบมาร์ชเมลโลว ตอบแทนน้ำใจสาวๆ ในวันที่ 14 มีนาคม หรือ 1 เดือนหลังวาเลนไทน์ แต่คราวนี้แบรนด์ขนมยี่ห้ออื่นก็ไม่ยอมตกรถเหมือนคราวช็อกโกแลตอีก วันไวต์เดย์จึงกลายเป็นประเพณีที่ผู้ชายจะต้องมอบขนม อาจจะเป็นคุกกี้ ลูกอม มาร์ชเมลโลว หรือไวท์ช็อกโกแลต ตอบกลับความรู้สึกของหญิงสาวที่ได้รับมาในวันวาเลนไทน์ซะ
วันไวต์เดย์ เป็นประเพณีที่มีทั้งในญี่ปุ่นและเกาหลี แต่ที่ญี่ปุ่นจะมีคำว่า “ซัมไบ กาเอชิ” หรือการให้คืน 3 เท่า คือหนุ่มๆ ต้องมอบของคืนให้ผู้หญิง 3 เท่า จะหมายถึงรับรัก ถ้าให้คืนในปริมาณเท่ากันนั้นจะหมายถึงปฏิเสธ แค่ให้คืนเพื่อตอบแทนน้ำใจเฉยๆ ซึ่งในปัจจุบันก็ไม่ใช่แค่ขนมเท่านั้นนะคะ จะให้เป็นของขวัญอย่างอื่น เครื่องประดับ เครื่องเพชร หรือชุดชั้นในก็โอเค บางคนก็ให้ตอบแทนเป็นจุมพิตอันเร่าร้อนเลย (โคตรจะไม่ลงทุน)
ในวาเลนไทน์นี้ ใครอยากจะฉลองให้เป็นความทรงจำที่แสนพิเศษก็อย่าลืมลองมอบช็อกโกแลตให้กับคนที่คุณรักดูนะคะ ไม่ใช่แค่แฟน อาจจะเป็นคุณพ่อ คุณแม่ เพื่อนสนิททั้งที่คิดซื่อและคิดไม่ซื่อ รุ่นพี่ รุ่นน้อง หัวหน้างาน หรือใครก็ได้ที่คุณเจอ เพื่อให้เขาได้มีความสุขกับเทศกาลนี้ไปพร้อมกับที่คุณมีความสุขที่ได้มอบสิ่งดีๆ ให้เขาเช่นกัน Happy Valentine Day ค่ะ
Comments